อุปกรณ์คาร์แคร์มีการรับประกันหรือไม่

ทุกท่านครับผมเองเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่จะช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าของทุกท่านว่าจะซื้อสินค้าชิ้นนั้นๆ หรือไม่คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของการรับประกันสินค้าอย่างแน่นอนครับด้วยเพราะว่าการที่สินค้ามีใบรับประกันหรือมีการเคลมประกันย่อมสร้างความอุ่นใจและความมั่นใจให้กับผู้ที่ซื้อว่าอย่างน้อยถ้าหากใช้ไปไม่เท่าไหร่แล้วเกิดพังหรือเสียหายลงก็สามารถที่จะเคลม ส่งซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ได้แต่ทุกท่านเคยสงสัยกันไหมครับว่าแล้วพวกอุปกรณ์คาร์แคร์ อุปกรณ์ล้างรถ ที่เราใช้กับรถสุดที่รักของเราล่ะมันมีประกันหรือไม่ซึ่งในวันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจนี้ให้กับทุกท่านครับ  ถึงแม้ว่าสินค้าโดยส่วนมากแล้วนั้นมันจะมีการรับประกันหรือว่ามีใบรับประกันก็ตามทีแต่สำหรับอุปกรณ์คาร์แคร์ อุปกรณ์ล้างรถ แล้วนั้นผมเองต้องบอกเลยครับว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีการรับประกันสินค้าหรือมีใบรับประกันสินค้าเพราะโดยส่วนมากแล้วนั้นสินค้าที่เป็นอุปกรณ์คาร์แคร์ อุปกรณ์ล้างรถ นั้นมักจะเป็นอุปกรณ์หรือสินค้าชิ้นไม่ใหญ่ มีสนนราคาที่ไม่แพงมากและเป็นของที่ไม่ได้ใหญ่มากและมีอายุการใช้งานสูงเช่นผ้าเช็ดรถ อุปกรณ์ล้างรถ โฟมล้างรถ ถังน้ำ อะไรประมาณนี้ซึ่งมูลค่าราคาของมันไม่สูงเท่าไหร่ดังนั้นของพวกนี้จึงไม่มีการรับประกันแต่อย่างใด หากจะมีก็น่าจะเป็นพวกอุปกรณ์ที่ดูดฝุ่นในรถ อุปกรณ์ประดับดูแลรักษาเบาะแต่ก็ถือเป็นส่วนน้อยครับจะมีเพียงไม่มีเจ้าไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้นที่เขารับประกัน 

ชนิดของแบตเตอรี่รถยนต์

เวลาพูดถึงแบตเตอรี่รถยนต์ อาจมีบางคนสงสัยว่ามันจะเป็นเหมือนแบตเตอรี่ไฟฉายหรือแบตเตอรี่โทรศัพท์หรือไม่ ต้องบอกเลยว่าแบตเตอรี่รถยนต์ต่างจากแบตเตอรี่อื่นๆ โดยสิ้นเชิง หรือบางคนอาจจะบอกว่าเป็นแค่กล่องสี่เหลี่ยม จะแบบไหนก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น แบตเตอรี่รถยนต์มีอยู่หลายชนิดซึ่งแต่ชนิดก็มีวิธีใช้งานแตกต่างกันไป โดยในปัจจุบัน แบตเตอรี่รถยนต์มีอยู่หลักๆ ด้วยกัน 2 ชนิดก็คือ แบตเตอรี่รถยนต์แบบเปียก ซึ่งแบตเตอรี่แบบเปียกนี้ก็ไม่ได้หมายถึงให้เอาแบตเตอรี่ไปจุ่มน้ำก่อนใช้งานหรือเอาน้ำใส่ถุงมาห่อล้อมรอบเมื่อจะใช้งาน แต่หมายความว่าแบตเตอรี่ชนิดนี้ต้องการเติมน้ำกลั่นอยู่เสมอๆ วันละครั้ง อาทิตย์ละครั้ง ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์เป็นประจำ มีราคาถูกแต่อายุการใช้งานน้อยเพียงแค่ 1 ถึง 3 ปีเท่านั้น และอีกชนิดก็คือ แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง โดยคำว่าแบตเตอรี่แห้งก็ไม่ได้หมายความว่า แบตเตอรี่นั้นไม่มีน้ำล่อเลี้ยงอยู่เลย ดูอย่างก๋วยเตี๋ยวแห้งสิยังมีน้ำขลุกขลิกเลย ว่าไปนั่น แบตเตอรี่ชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำกลั่น และไม่มีฝาเปิด – ปิด เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์มากเท่าไหร่นัก ราคาของแบตเตอรี่ชนิดแห้งก็สูงอยู่พอสมควร แต่อายุก็ใช้งานก็นานขึ้นประมาณ 5 ถึง 10 ปี ถึงอย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าแบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งจะไม่มีน้ำอะไรเลยหรือแบบเปียกจะมีเพียงน้ำกลั่นเท่านั้น แต่ทั้ง 2 ชนิดก็ยังมีน้ำกรดอยู่ในตัวอีกด้วย ไม่รู้ว่าคำว่า แบบเปียกแบบแห้งนี้ได้มาจากไหน

รถสารพัดประโยชน์

มีเพื่อนกระผมหลายคนเลยทีเดียวที่เรียกเจ้ารถยี่ห้อฮอนด้านี้ว่าเป็นรถจับฉ่าย! แรกเริ่มทีเดียวข้าพเจ้าเองก็สงสัยครับผมว่าเหตุใดเพื่อนๆทุกอย่างของกระผมจึงลงมติเรียกรถ Honda ตัวอย่างเช่นนี้แต่พอได้ฟังคำตอบถึงกับมักร้องอ๋อเพราะมัน “จับฉ่าย” จริงๆ ครับผม                สาเหตุที่เขาเรียกรถฮอนด้าว่าเป็นรถจับฉ่ายนั้นก็เนื่องจากฮอนด้าเองนั้นแม้จะน่าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับต้นๆ ของญี่ปุ่นก็ตามทีแต่ฮอนด้าเองก็คงไม่หยุดแต่แค่เพียงแค่นั้นยังอุตส่าห์ผลิตรถจักรยานยนต์หรือไม่รถมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาเพื่อจะรองรับท้องตลาดรถระดับด้านล่างในบ้านที่พักอาศัยข้าพเจ้าอีกทั้งยังญี่ปุ่นเองก็คงมีการผลิตกระบะขนาดเล็กสำหรับการขนของเห็นไหมล่ะครับผมผลิตขึ้นไปมามากมายสำหรับครองทุกท้องตลาดแบบนี้หากไม่เรียกว่า “จับฉ่าย” แล้วจะน่าจะให้เรียกว่าอะไร                แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า Honda จะน่าจะอดกลั้นผลิตรถออเยอะแยะมากมายสักเพียงใดแต่สุดท้ายแล้วผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรให้กับฮอนด้ามากที่สุดก็ยังคงคือรถยนต์อยู่ดีส่วนรถจักรยานยนต์นั้นก็คงสามารถจำหน่ายได้อยู่ในกลุ่มของผู้ใช้งานอันดับกลางลงไปจนถึงอันดับล่างซึ่งเรื่องนี้นั้นฮอนด้าเองก็ทราบดีอยู่แล้วแต่ที่ยังดันทุรังออกรถให้ครอบคลุมทุกชนิดก็เพื่อจะความหวังให้คนรู้ถึงแบรนด์ของตัวเองเยอะแยะกว่ายอดค้า                หากจะน่าจะถามฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้คงย่อมบอกขอรับกระผมว่าโดยส่วนตัวแล้วกระผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับชนิดคิดเช่นนี้ของ Honda สักเท่าไหร่นัก จริงอยู่ขอรับว่ามันคือการสร้างแบรนด์แต่หากมองตามยุทธวิธีท้องตลาดแล้วถือว่าเป็นการทำแบรนด์ที่ลงทุนสูงเกินความจำเป็นพร้อมด้วยไม่รับทราบว่าผลตอบแทนที่ได้กลับมาจะอาจจะคุ้มค่ากับที่เสียไปหรือไม่ไม่

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับฮอนด้า

เมื่อผมพูดถึงรถฮอนด้าแล้วต้องบอกเลยครับผมว่าเป็นรถที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลของรถที่ครองความคือเจ้าท้องตลาดอันดับหนึ่งอย่างโตโยต้ามาโดยตลอดและอีกด้วยศักดิ์ศรีของความคือรถสัญชาติญี่ปุ่นได้แก่กันนี่เองจึงทำให้สนามการแข่งขันในท้องตลาดนี้มีความตื่นเต้นน่าติดตามเยอะแยะเพราะว่าอะไรที่เจ้าอื่นทำได้ Honda เองก็ทำได้ไม่แพ้กันแถมบางอย่างยังทำดีกว่าต้นฉบับเสียเช่นกันครับ                แม้ว่าการก่อกำเนิดของฮอนด้าจะไม่ได้มีความหวือหวาอะไรหลายๆถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่มีสตอรี่ความคือมากันจนคือตำนานหรือว่าไม่มีแม้แต่กระทั่งคัมภีร์กลยุทธคล้ายคู่แข่งก็ตามทีแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Honda ได้เปรียบคู่แข่งขันอยู่เสมอก็เป็นเรื่องของเทคโนโลยีพร้อมกับการพัฒนาใหม่ๆ นั่นเองฮะ                Honda ยอมทุ่มเงินกว่า 70% ของรายได้ทั้งหลายสำหรับสร้างทีมวิจัยพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนทางเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อจะทำนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับรถของตนเองทั้งในเรื่องของสมรรถนะพร้อมกับสิ่งแวดล้อมดังนั้นกระผมจึงเห็นการปรับแต่งในรถรุ่นใหม่ๆ ของ Honda อยู่เสมอๆ ซึ่งจุดนี้เองถือคือจุดแข็งที่สุดของฮอนด้าที่ไม่ว่าคู่แข่งยี่ห้อใดๆ ก็ยากที่จะก็จะเลียนแบบหรือไม่ก้าวขึ้นมาทัดเทียมได้                จากการคาดการณ์ของกูรูด้านรถยนต์พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดรถยนต์ต่างเห็นสอดคล้องต้องกันว่าหากฮอนด้ายังคงรักษาเกณฑ์และจุดแข็งของตัวเองเอาไว้ได้ดังเป็นต้นว่าทุกวันนี้แล้วล่ะก็อีกสิบปีข้างหน้ารถฮอนด้าจะต้องขึ้นไปแท่นผู้นำรถเบอร์หนึ่งอย่างไม่จะต้องสงสัย ส่วนจะอาจจะคือจริงอย่างที่นักวิชาการคาดการณ์เอาไว้ใช่หรือไม่ไม่ เวลาแค่นั้นครับผมที่จะจะคือเครื่องพิสูจน์ได้ แล้วข้าพเจ้าจะก็จะเฝ้าคอยดูความสำเร็จของฮอนด้าในวันนั้น

คุยเฟื่องเรื่องหนังสือรถ

เชื่อว่าปัจจุบันนี้คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธว่ารถนั้นเป็นปัจจัยที่ 5 ที่มีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์เราไม่น้อยไปกว่าเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่จะมีโอกาสได้เห็นบรรดาวัยรุ่นและคนทำงานต่างเปิดหนังสือซื้อขายรถเพื่อตรวจสอบราคารถใหม่จากแหล่งต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อรถกันมากขึ้นอยู่เสมอๆ ซึ่งหนังสือที่เกี่ยวกับการเช็คราคารถใหม่และรถมือสองในบ้านเรานั้นก็มีอยู่หลายหัวด้วยกันให้ได้เลือกอ่านตามความชอบใจแต่ไม่ว่าจะเป็นหัวใดยี่ห้อใดก็มีข้อมูลและลักษณะของหนังสือรวมๆ แล้วไม่แตกต่างกันมากนักซึ่งพอจะจำแนกได้ดังนี้ ประการแรกสุดเลยคือหนังสือพวกนี้มักจะเป็นหนังสือที่ออกแนวปักษ์คืออกทุก 15 วันโดยจะออกทุกวันที่ 1 และวันที่ 15 ของเดือนประการถัดมาคือหนังสือเหล่านี้มักจะมีความหนาเป็นพิเศษเรียกได้ว่าหนากว่าราคาที่มันควรจะเป็นซึ่งสาเหตุที่หนังสือมีความหนาเช่นนั้นก็เพราะว่ามีคนสนใจประกาศซื้อขายรถมากมายนั่นเอง ข้อสังเกตถัดมาสำหรับหนังสือแนวนี้คือมักจะมีข้อมูลหรือราคารถใหม่ๆ ไม่มากนักโดยจะมีพื้นที่ในหน้าหนังสือไม่กี่หน้าเท่านั้นที่เหลือจะเป็นเนื้อที่สำหรับโฆษณาขายสินค้าของค่ายรถ, ดิสทริบิวเตอร์ต่างๆ, บริษัทขายอุปกรณ์เสริมเช่นยางรถยนต์ เครื่องกันขโมยเป็นต้นรวมไปถึงประกาศย่อยซื้อขายรถของบรรดาคนรักรถทั้งหลายที่ได้ส่งมาลงเพื่อซื้อขายรถหรืออุปกรณ์ที่ตนต้องการซึ่งในกลุ่มนี้มีมากที่สุดกินเนื้อที่ 2 ใน 3 ของหนังสือเลยทีเดียวเชียวครับ